31 ตุลาคม 2551

ยิ่งตี ยิ่งดัง ตำรวจหงอ-ผู้ว่าฯถอย




โบราณว่า กลองดี ยิ่งตี ยิ่งดัง แต่ที่ “โต๊ะอาชญากรรม” กำลังนำเสนอนี้ เป็นเรื่องในแง่ลบ คือ ยิ่งตี(กัน)ยิ่งดัง
บ้านเราทุกวันนี้วิปริต นิยมความรุนแรงกันมากขึ้น ตัวอย่างการใช้ความรุนแรงเรียกร้องต่อรองแล้วได้ผลมีให้เห็นจนเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
ข้อเรียกร้องจากเรา ที่มีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ คนใหม่ ถอดด้าม แม้จะมีผลงานจับโจรยิง สจ.โต้ง-นายโสธร โพธิ์น้อย แต่ฝีมือปราบความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับมวลชนกลับนิ่งสนิท
กระทั่งผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายปานชัย บวรรัตนปราณ ซึ่งเคยบอกว่า ผ่านมาหมดแล้ว จังหวัดที่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างม็อบกับการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นที่ระยอง หรือ เหมืองแร่โปแตสที่อุดรธานี โรงงานแทนทาลั่มที่ภูเก็ต
มาเจอม็อบประจวบฯเข้าก็ยังต้องบอก “ถอยดีกว่า”
แถมแนะให้ม็อบเข้ากรุงเพื่อร้องสภาพัฒน์ยกเลิกยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกและภาคใต้ ให้เหตุผล “ผู้ว่าฯ แปดหลัก” ทำตามนโยบายส่วนกลาง
เหตุการณ์นี้ทำให้อดนึกถึงยุค “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ได้ว่า หากผู้ว่าฯคนไหนแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้จนต้องยกขบวนเข้ากรุง ผู้ว่าฯ คนนั้นจะต้องตามมากินนอนกับพี่น้องที่กรุงเทพฯด้วย




วันนี้ม็อบพอใจตำรวจและผู้ว่าฯ แต่ประชาชี “เป็นงง” ว่า คดีที่คั่งค้างเป็น 60-70 คดี ตามคำบอกของ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผกก.สภ.อ.บางสะพาน ซึ่งแกนนำม็อบแล้วบอกว่า ชุมชนแตกแยกนั้น จะจบดื้อๆด้วยหรือเปล่า
จินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูด ให้ข่าวรายวันว่า อิทธิพล อาวุธ ตำรวจ ทหารนอกเครื่องแบบ เต็มพรึบ
“มันเป็นอะไรที่ลึกลับ ลับลมคมใน โดยเฉพาะคนในเครื่องแบบที่พร้อมจะมีความรุนแรง อยู่ที่นี่หมด" แกนนำม็อบระบุ
เหมือนตบหน้าเจ้าหน้าที่รัฐฉาดใหญ่ ซึ่งไม่มีแม้แต่คำแถลง ชี้แจง นั้น ตกลงไม่มีอะไรในกอไผ่แล้วหรือไม่
นี่ยังไม่นับกับคำพูดของแกนนำม็อบที่ว่า “เขาจะล้มเราให้ได้ก่อนเดือนตุลาฯ” ซึ่งก็เกือบจะเดือนพฤศจิกายนแล้ว แต่ปรากฏ คนเจ็บ-ตาย จากความขัดแย้งนี้ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายสนับสนุนโครงการพัฒนา
ไม่ว่าจะเป็นการตายของรักศักดิ์ คงตระกูล ลูกจ้างบริษัทสหวิริยา ,การโดนระเบิดปิงปองของนาวิน วิรุฬรังสรรค์ ขณะนั่งในขบวนรถแห่ผ่านหน้าบ้านนางจินตนา แก้วขาว หรือคดีทำร้ายร่างกายนางธัญญาพร จันทร์พิทักษ์ กลุ่มคัดค้านที่เปลี่ยนใจมาสนับสนุน และฯลฯ
ผู้เสียหายเหล่านี้ ไม่ได้รับการเยียวยา แต่คู่กรณีกลับกลายเป็นฮีโร่





วันที่อำนาจรัฐเสื่อม ตำรวจหงอ ผู้ว่าฯถอย การพูดคุยด้วยเหตุผลถูกโล๊ะทิ้ง มันก็เหมือนการเพาะเชื้อโรคร้ายให้แก่สังคม รอวันลุกลามเข้าขั้นโคม่า
ต้นแบบของการแก้ปัญหาไม่ถูกสร้าง มีแต่ต้นแบบการแก้ปัญหาเอาตัวรอดเฉพาะหน้า คนที่มีมีมวลชนมากกว่า กำปั้นใหญ่กว่า คือผู้ชนะ
หายนะของประเทศรออยู่ข้างหน้า
(นำมาจาก นสพ.บางกอกทูเดย์)