20 กรกฎาคม 2557

เขย่าอาณาจักรสิงห์อีกระลอก

ดูเหมือนความพยายามเขย่าอาณาจักรเบียร์สิงห์ด้วยความพยายามโยงภาพของการทำธุรกิจไปเชื่อมโยงกับภาพการเมือง ยังมีต่อเนื่อง
ตั้งแต่การเอาจดหมายเตือนของบิ๊กบอสบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ที่รับรู้เป็นการภายในเฉพาะบอร์ดบริหารออกมาปล่อย  การที่ น้องตั๊น-จิตภัสร์ ยอมตัดใจเปลี่ยนนามสกุลมาใช้ “กฤดากร” ตามสาแหรกข้างแม่
" ที่ผ่านมาในตระกูลนี้ไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวกับการเมืองเลย 'จิตภัสร์' คนแรก ฉะนั้นเมื่อเข้าไปอยู่สังกัดพรรคการเมืองมีการพูดคุยย้ำๆ กันมาตลอด ยิ่งขณะนี้มีสถานการณ์ทางการเมืองรุนแรง มีความขัดแย้งมากเกิดขึ้น เรื่องการวางตัวที่จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งก็มีการพูดกันถี่มากขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่ ละเอียดอ่อนมากกับเรื่องการผูกโยงเข้ากับธุรกิจ" แหล่งข่าวในบริษัทบุญรอดเล่าถึงความสถานการณ์ของคนในตระกูลภิรมย์ภักดีในประเด็นปัญหาการเมืองกับธุรกิจ
ขณะที่ ตั๊น-จิตภัสร์ แม้จะเคยให้สัมภาษณ์ว่า การ เปลี่ยนนามสกุลจาก 'ภิรมย์ภักดี' เป็น 'กฤดากร' เพราะเป็นห่วงครอบครัว จึงต้องออกมาขอเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัว 
“เรื่องจริงๆ ครอบครัวตั๊นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมวลมหาประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว มีแค่ตั๊นเพียงคนเดียวที่เข้ามามีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหว ดังนั้นมันก็ไม่เป็นธรรมที่ครอบครัวจะโดนโยงเข้ามาในเรื่องของการเมืองเพราะตั๊น และที่เราเปลี่ยนนามสกุลก็เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้กับครอบครัวไม่ถูกโยงมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย”
แต่ล่าสุดในกิจกรรมเดินสายของ กปปส. เพื่อเรียกแขกนัดชุมนุมใหญ่ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา กปปส.ก็เลือกชัยภูมิตั้งขบวนหน้าบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ แล้วน้องตั๊นก็โพส  Facebook บรรยายภาพแกนนำที่ตั้งแถวว่า “เช้านี้ที่หน้าบริษัทบุญรอด ขอบคุณพนักงานและพี่น้องชาวดุสิตที่ออกมาให้กำลังใจพี่น้องมวลมหาประชาชน”
 ทั้งๆในความเป็นจริงไม่มีพนักงานบริษัทออกมาร่วมแม้แต่คนเดียว เนื่องจากนายใหญ่กำชับหนักหนาว่า ''พระยาภิรมย์ภักดี'' ต้นตระกูล บอกว่า “การทำธุรกิจไม่ควรจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง''
ตั๊นอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ผลกระทบในเชิงธุรกิจก็ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า ฟากคุณพ่อ คือ จุตินันท์ ซึ่งนั่งเป็นบอร์ดการบินไทย อยู่ขณะนี้เตรียมไขก๊อกลาออก
เรื่องนี้ เป็นที่รับรู้ว่า การบินไทยนั้นไม่ใช่ใครก็มานั่งได้แต่ต้องสายสัมพันธ์แน่นปึ๊ก เป็นตะเกียงไม่มีไส้นั้นอย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสเข้ามานั่ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นมาทุกยุคสมัยที่พรรคการเมืองไหนเข้ามาเป็นรัฐบาลก็จะส่งคนของตัวเองที่ไว้เนื้อเชื่อใจเข้าไปนั่งคุมตามรัฐวิสาหกิจต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ยุครัฐบาลเผด็จการทหาร
ใครจะเถียงว่าเป็นบอร์ดเพราะความรู้ความสามารถล้วนๆนั้น ต้องบอกว่าโลกสวยตัวจริง
ในช่วงการเมืองกำลังนับถอยหลัง กำลังเข้าไคล้  จะรู้ผลแพ้ชนะ การลาออกของจุตินันท์จึงนับเป็นจังหวะที่สามารถชุบตัว แล้วมีแต่ภาพบวก
จะไม่มีใครตั้งคำถามถึงที่มาที่ไปของจุตินันท์ที่สามารถเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดการบินไทย แต่คนจะสรรเสริญว่า จุตินันท์ คือ หนึ่งในมวลมหาประชาชนที่หาญกล้าลุกขึ้นสลัดพ้นขั้วอำนาจของทักษิณ
 ที่สำคัญการลาออกของจุตินันท์จะเป็นลมใต้ปีกส่งให้ “น้องตั๊น” บินสูงขึ้นไปอีกชนิดติดลมบนชนิด
จังหวะก้าวของจุตินันท์ และตั๊น-จิตภัสร์ จึงเหมาะเจาะ ชนิดเซียนการเมืองยังต้องยกนิ้วให้กับความเก๋าเกมส์
ส่วนบรรดาบิ๊กบอสในบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ก็คงต้องหัวหมุนวิ่งวุ่นหามาตรการรับมือกับผลกระทบข้างเคียงที่มีต่อธุรกิจ แม้จะพยายามหนีพ้นจากการเมืองมากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่า มือที่มองไม่เห็นพยายามฉุดดึงเข้าสู่วังวน



ภาพจาก นสพ.ผู้จัดการ