ดูเหมือนความพยายามเขย่าอาณาจักรเบียร์สิงห์ด้วยความพยายามโยงภาพของการทำธุรกิจไปเชื่อมโยงกับภาพการเมือง
ยังมีต่อเนื่อง
ตั้งแต่การเอาจดหมายเตือนของบิ๊กบอสบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ที่รับรู้เป็นการภายในเฉพาะบอร์ดบริหารออกมาปล่อย
การที่ น้องตั๊น-จิตภัสร์ ยอมตัดใจเปลี่ยนนามสกุลมาใช้
“กฤดากร” ตามสาแหรกข้างแม่
"
ที่ผ่านมาในตระกูลนี้ไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวกับการเมืองเลย 'จิตภัสร์' คนแรก ฉะนั้นเมื่อเข้าไปอยู่สังกัดพรรคการเมืองมีการพูดคุยย้ำๆ กันมาตลอด
ยิ่งขณะนี้มีสถานการณ์ทางการเมืองรุนแรง มีความขัดแย้งมากเกิดขึ้น
เรื่องการวางตัวที่จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งก็มีการพูดกันถี่มากขึ้น
เนื่องจากเป็นเรื่องที่ ละเอียดอ่อนมากกับเรื่องการผูกโยงเข้ากับธุรกิจ" แหล่งข่าวในบริษัทบุญรอดเล่าถึงความสถานการณ์ของคนในตระกูลภิรมย์ภักดีในประเด็นปัญหาการเมืองกับธุรกิจ
ขณะที่
ตั๊น-จิตภัสร์ แม้จะเคยให้สัมภาษณ์ว่า การ เปลี่ยนนามสกุลจาก 'ภิรมย์ภักดี' เป็น 'กฤดากร' เพราะเป็นห่วงครอบครัว
จึงต้องออกมาขอเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัว
“เรื่องจริงๆ
ครอบครัวตั๊นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมวลมหาประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว
มีแค่ตั๊นเพียงคนเดียวที่เข้ามามีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหว
ดังนั้นมันก็ไม่เป็นธรรมที่ครอบครัวจะโดนโยงเข้ามาในเรื่องของการเมืองเพราะตั๊น
และที่เราเปลี่ยนนามสกุลก็เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้กับครอบครัวไม่ถูกโยงมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย”
แต่ล่าสุดในกิจกรรมเดินสายของ
กปปส. เพื่อเรียกแขกนัดชุมนุมใหญ่ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา กปปส.ก็เลือกชัยภูมิตั้งขบวนหน้าบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่
แล้วน้องตั๊นก็โพส Facebook บรรยายภาพแกนนำที่ตั้งแถวว่า
“เช้านี้ที่หน้าบริษัทบุญรอด
ขอบคุณพนักงานและพี่น้องชาวดุสิตที่ออกมาให้กำลังใจพี่น้องมวลมหาประชาชน”
ทั้งๆในความเป็นจริงไม่มีพนักงานบริษัทออกมาร่วมแม้แต่คนเดียว
เนื่องจากนายใหญ่กำชับหนักหนาว่า
''พระยาภิรมย์ภักดี'' ต้นตระกูล บอกว่า “การทำธุรกิจไม่ควรจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง''
ตั๊นอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
แต่ผลกระทบในเชิงธุรกิจก็ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า
ฟากคุณพ่อ คือ จุตินันท์ ซึ่งนั่งเป็นบอร์ดการบินไทย อยู่ขณะนี้เตรียมไขก๊อกลาออก
เรื่องนี้
เป็นที่รับรู้ว่า การบินไทยนั้นไม่ใช่ใครก็มานั่งได้แต่ต้องสายสัมพันธ์แน่นปึ๊ก
เป็นตะเกียงไม่มีไส้นั้นอย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสเข้ามานั่ง
ซึ่งเรื่องนี้เป็นมาทุกยุคสมัยที่พรรคการเมืองไหนเข้ามาเป็นรัฐบาลก็จะส่งคนของตัวเองที่ไว้เนื้อเชื่อใจเข้าไปนั่งคุมตามรัฐวิสาหกิจต่างๆ
ไม่เว้นแม้แต่ยุครัฐบาลเผด็จการทหาร
ใครจะเถียงว่าเป็นบอร์ดเพราะความรู้ความสามารถล้วนๆนั้น
ต้องบอกว่าโลกสวยตัวจริง
ในช่วงการเมืองกำลังนับถอยหลัง
กำลังเข้าไคล้ จะรู้ผลแพ้ชนะ การลาออกของจุตินันท์จึงนับเป็นจังหวะที่สามารถชุบตัว
แล้วมีแต่ภาพบวก
จะไม่มีใครตั้งคำถามถึงที่มาที่ไปของจุตินันท์ที่สามารถเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดการบินไทย
แต่คนจะสรรเสริญว่า จุตินันท์ คือ
หนึ่งในมวลมหาประชาชนที่หาญกล้าลุกขึ้นสลัดพ้นขั้วอำนาจของทักษิณ
ที่สำคัญการลาออกของจุตินันท์จะเป็นลมใต้ปีกส่งให้
“น้องตั๊น” บินสูงขึ้นไปอีกชนิดติดลมบนชนิด
จังหวะก้าวของจุตินันท์
และตั๊น-จิตภัสร์ จึงเหมาะเจาะ ชนิดเซียนการเมืองยังต้องยกนิ้วให้กับความเก๋าเกมส์
ส่วนบรรดาบิ๊กบอสในบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ก็คงต้องหัวหมุนวิ่งวุ่นหามาตรการรับมือกับผลกระทบข้างเคียงที่มีต่อธุรกิจ
แม้จะพยายามหนีพ้นจากการเมืองมากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่า
มือที่มองไม่เห็นพยายามฉุดดึงเข้าสู่วังวน
ภาพจาก นสพ.ผู้จัดการ |