03 มีนาคม 2552

Go Home Ugly NGo



"Go Home Ugly NGo"




แม้การประชุมผู้นำอาเซียน ซัมมิท จะผ่านไปได้ด้วยดี คนไทยทุกภาคส่วนแสดงตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี วางแนวทางร่วมมือกันพัฒนาประเทศ สร้างประชาคมอาเซียน ดังแถลงการณ์ที่ผู้นำประเทศร่วมกันประกาศ (ดูรายละเอียด : http://www.prachatai.com/05web/th/home/15736 )
ความเข้มแข็งของอาเซียนนั้น ถ้ามองในมติระหว่างประเทศ ต้องยอมรับว่า เป็นการสร้างเสริมศักยภาพที่หวังปลดแอกจากการเป็นเจ้าโลกของมหาอำนาจตะวันตก

การดำรงความเป็นเจ้า (Hegemony) ซึ่ง ในวิชาการเมืองระหว่างประเทศ hegemony มักหมายถึงการจัดโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือการสถาปนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการเมืองอันจะทำให้ประเทศที่มาเข้าร่วมหรือสยบยอมรู้สึกว่าตนเองได้ประโยชน์ เช่น กรณีโครงการ GSP ที่อเมริกาให้สิทธิพิเศษแก่บางประเทศให้ส่งสินค้าเข้าไปขายในตลาดอเมริกันได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร แลกเปลี่ยนกับการที่ประเทศนั้นๆ ยอมโอนอ่อนผ่อนตามข้อเรียกร้องบางอย่างซึ่งเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มผลประโยชน์อเมริกัน เช่น ให้ปราบเทปผี ซีดี ดีวีดีเถื่อน หรือให้เคารพสิทธิบัตรยาราคาแพง เป็นต้น
การแทรกแซง เจ้ากี้เจ้าการ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า "เสือก" นั้น มหาอำนาจตะวันตก มักทำผ่าน วาทกรรม หลายเรื่องเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน ดังกรณีของพม่า ในประเด็นอองซาน ซูจี แต่ Hidden Agenda คือ ต้องการมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองแข่งกับจีน ซึ่งเวลานี้เข้าไปกุมสภาพพื้นที่ในพม่าแล้ว เช่น โครงการด้านพลังงาน
นอกจากนี้ยังมักอ้างประเด็นเรื่อง สิ่งแวดล้อม โลกร้อน จนคนไทย เห่อพูด ไม่ลืมหูลืมตา กระทั่ง ขี้ไม่ออก เยี่ยวไม่ออก ก็โทษโลกร้อนไว้ก่อน แต่หารู้ไม่ว่า Hidden Agenda เรื่องโลกร้อน ก็คือ มันต้องการให้ประเทศกำลังพัฒนา ไม่มีศักยภาพในการแข่งขันในเวทีการค้าโลก
เช่นที่รณรงค์เรื่อง เลิกใช้ถ่านหินนั้น ลองไปดูประวัติศาสตร์การสร้างชาติของมหาอำนาจทั้งหลายก็ล้วนอาศัยถ่านหินกันทั้งนั้นโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา (ดูรายละเอียด :
http://maemohmine.egat.co.th/mining_technology/market1.html )
แต่วันที่ประเทศกำลังพัฒนาจะใช้ถ่านหิน มันกลับยืมปากเอ็นจีโอ ที่ตนเองแอบต่อท่อน้ำเลี้ยงให้ ออกมาพูดว่า ให้หยุดใช้ เพราะทำให้โลกร้อน ทั้งๆที่ความจริงมันรู้ว่า ถ่านหินทำให้ต้นทุนพลังงานถูก แล้วจะทำให้การครอบครองความเป็นเจ้าของมหาอำนาจสั่นสะเทือน
มันก็เหมือนจอร์จ โซรอส ที่มีกองทุนควอนตั้ม กอบโกยกำไรจากค่าเงิน แต่ก็มีมูลนิธิโซรอส ทำงานเชิงสังคม
เช่นเดียวกับ กรีนพีซ ที่มารณรงค์ประท้วงในการประชุมอาเซียนซัมมิท นั้น ก็ไม่ต่างกัน
หากพิจารณาจากข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยให้1. นำเงินทุนที่ใช้ในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และนิวเคลียร์มาใช้ลงทุนพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด และประสิทธิภาพพลังงาน 2. ยกร่างกฎหมายที่สนับสนุนนักลงทุนพลังงานหมุนเวียน ซึ่งรับประกันผลตอบแทนที่แน่นอนและสม่ำเสมอ3. รับประกันในการให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ของการเข้าถึงระบบสายส่งของผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน4. ดำเนินการให้มีมาตรฐานด้านประสิทธิภาพพลังงาน และการจัดการด้านความต้องการใช้พลังงานที่เข้มงวด
มันก็ชัดเจนว่า วาระซ่อนเร้นคืออะไร
(ดูรายละเอียด :
http://www.greenpeace.org/seasia/th/news/asean-save-forests-for-climate )
น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่กลุ่มคนใส่เสื้อกรีนพีซประท้วงกลายเป็นคนไทยหัวดำ ซึ่งเป็นตกอยู่ในถาวะ การครอบงำของ ฝรั่งหัวแดง
หนักไปกว่านั้นก็คือ กลุ่มม็อบประจวบฯ ที่เรียกตนเองว่า 6 พันธมิตรสิ่งแวดล้อม ซึ่งแทนที่จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพ กลับทำตัว สมคบ กับท้าวต่างแดน เผาบ้านตัวเอง


เราไม่รู้ว่า นัยยะคำประกาศของพวกเขาคืออะไร แต่อ่านดูแล้วเหมือนกับประโยค "มึงสร้างกูเผา" (ดูรายละเอียด : http://www.prachatai.com/05web/th/home/15730 )
เราอ้างอิงข้อมูลส่วนใหญ่จาก เว็ปประชาไท เพราะดูเหมือนเว็ปนี้จะเป็นเสมือนช่องทางที่คนกลุ่มนี้ใช้ในการสื่อสารและขยายผล
เว็ปประชาไท ที่มีแนวคิด Post Modern คือ ค้านทุกเรื่องที่รัฐทำ
เมื่อมีกิจกรรมเสร็จก็เอามาเผยแพร่ ทำงานคู่ขนานประมาณว่า "ผีเน่ากับโลงผุ"
คำขู่ที่จะแสดงพลังเชิงกายภาพนั้น เชื่อเหลือเกินว่า ต้องเคลือบด้วยวาทกรรมสวยหรู ประมาณว่า นักสู้เพื่อท้องถิ่น สิ่งแวดล้อม นายทุน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการต่อสู้เคลื่อนไหว
แต่เราก็เชื่อเหลือเกินว่า เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง กลุ่มคนระดับ Local ระดับชนชั้นรากหญ้า ที่ไม่ยอมสบยต่อการครอบงำ ลัทธิความเป็นเจ้าของทุนตะวันตก จะลุกขึ้นมาบอกว่า 'Go Home Ugly NGo"

ไม่มีความคิดเห็น: